การศึกษาไทย

ลดรับประทานของหวานให้น้อยลง
                ขนมหวาน น้ำอัดลม ลูกอม เหล่านี้เป็นต้น ของหวานเหล่านี้มีน้ำตาลมาก
เราใช้น้ำตาลทรายขาวที่ผลิตในทางอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สารเคมีในการฟอกขาว
สารเคมีจะเข้าสู่ร่างกายเรามากขึ้น
ในขณะที่น้ำตาลให้ความหวานหรือกลูโคสชนิดออกฤทธิ์เร็ว ร่างกายจะรู้สึกสดชื่นโดยเร็วเมื่อกินน้ำตาลเจ้าไป
แต่จะรู้สึกอ่อนเพลียตามมาได้ในระยะต่อไป
ตับอ่อนต้องทำงานมากขึ้นเมื่อมีน้ำตาลในร่างกายมาก เพราะตับอ่อนจะต้องหลั่งอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อยู่เสมอ
เมื่อใช้งานหนักเกินไปตับอ่อนจะอ่อนแอ
ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเกิดเป็นโรคเบาหวานให้เราเห็น
                ถ้าเราไม่แก้ไขที่ต้นเหตุ
แต่ใช้ยาในการควบคุมน้ำตาลอย่างเดียว และยังคงกินน้ำตาลต่อไป โรคจะไม่หายและตับอ่อนจะยิ่งเสียการทำงานไปมากขึ้น
ต่อไปก็จะเกิดโรคอื่นๆ ตามมา เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ
                เราจึงควรลดน้ำตาลด้วยการไม่กินเข้าไปให้มาก
แทนที่จะให้ยาไปลดน้ำตาลภายในร่างกาย เพราะฉะนั้นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
นั่นคือแนวทางธรรมชาติบำบัด

วิธีการสร้างสุขภาพร่างกาย

วิธีการสร้างสุขภาพร่างกาย
                ร่างกายเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้และดูแลรักษาได้อย่างง่านดาย จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ดูว่าจะทำได้ง่ายที่สุด ผิดกับการดูแลทางด้านจิตใจหรือจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ยากจึงแก้ไขได้ยากกว่า ส่วนปัจจัยทางด้านสังคมสิ่งแวดล้อมนั้นดูเหมือนจะอยู่ไกลตัวออกไป แต่จริงๆ แล้วมีผลต่อสุขภาพของเรามากเหมือนกัน อย่างไรก็ตามเราจะต้องดูแลให้ครบทั้ง 4 ด้านอย่างเป็นองค์รวมอยู่ดี
                การสร้างสุขภาพทางร่างกายนั้นมีหลากหลายวิธีเช่นกัน ในคราวนี้ผมจะคัดเลือกวิธีสำคัญๆ ที่ใช้กันมานานและเป็นวิธีหลักๆ ที่เราควรพิจารณาเป็นพิเศษมาให้พวกเราปฏิบัตินะครับ

เราจะสร้างสุขภาพให้ดีขึ้นได้อย่างไร

เราจะสร้างสุขภาพให้ดีขึ้นได้อย่างไร
                นี่เป็นคำถามที่ตอบง่ายมาก เพราะเราต้องมี ความรู้เราจึงจะสามารถช่วยตนเองให้แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นได้ ถ้าปราศจากความรู้ทุกอย่างก็มืดมน แต่ความรู้นั้นเป็นเพียงแผนที่นำทาง เราอยากไปให้ถึงจุดหมายเราต้องก้าวเดินออกไปตามแผนที่ ก้าวไปด้วยขาของเราเอง ไม่มีใครมาก้าวเดินแทนเราได้ สุขภาพเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ สุขภาพจึงต้องสร้างด้วยตัวเราเองเท่านั้น
                ความรู้ในการสร้างสุขภาพที่ดีมีมากมายหลายศาสตร์หลายสูตร หลายความคิด หลากความเชื่อ แล้วแต่ใครเชื่อแนวไหนก็เดินไปตามแนวทางนั้น แต่ที่ผมจะมาแนะนำทางเดินไหนมาให้เรานั้น ผมจะพาเดินไปในทิศทางที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ คือ 4 เส้นทางหลักดังที่กล่าวมาแล้ว

สุขภาพดีต้องมีอะไรบ้าง

สุขภาพที่ดี
                องค์การอนามัยโลกประกาศว่า สุขภาพดีนั้นมิใช่เพียงการไม่มีโรคเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญร่วมด้วย ปัจจัยที่สำคัญมี 4 ด้าน ดังนี้
1.       ร่างกาย
2.       จิตใจ
3.       สังคมสิ่งแวดล้อม
4.       จิตวิญญาณ
คนที่มีสุขภาพดีต้องเป็นคนที่มีความสมบูรณ์พร้อมทั้ง 4 ด้านนี้ ไม่ใช่เพียงสมบูรณ์ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น การดูแลสุขภาพจึงต้องคิดถึงปัจจัยทั้ง 4 นี้ และพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นพร้อมกันทั้ง 4 ด้าน นี่จึงจะเป็นการสร้างสุขภาพที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบที่สุด เราต้องปรับปรุงในด้านที่เรายังบกพร่องหรือมีอยู่น้อยให้เพิ่มเติมจนเต็ม เราจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้
                เราจะเห็นได้ว่าสุขภาพตามคำจำกัดความใหม่นี้ ไม่ใช่เรื่องของแพทย์หรือโรงพยาบาลที่จะทำหน้าที่ดูแลสุขภาพให้เรา แต่เป็น ตัวเราที่จะต้องรับผิดชอบและสร้างสุขภาพขึ้นมาด้วยตัวเอง แพทย์ไม่อาจมาดูแลอารมณ์และจิตใจให้เรา ไม่มีหน้าที่มาสร้างสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเรา และยิงไม่มาเกี่ยวข้องกับเรื่องจิตวิญญาณของเรา แพทย์จะช่วยเราในยามที่เราเจ็บป่วยเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต เราเป็นผู้ดูแลตนเอง สุขภาพจึงเป็นหน้าที่ของเราไม่ใช้หน้าที่ของใคร

เลือกทานอาหารสดใหม่เสมอ

เลือกทานอาหารสดใหม่เสมอ
                อาหารมีคุณค่ามากที่สุดก็ตอนที่มันยังสดอยู่
เรียกว่าเป็นอาหารที่มีชีวิต คนและพืชผักล้วนมีพลังชีวิตอยู่ในตัวเองทั้งนั้น
เรากินผักสดเราจะได้พลังชีวิตของผักมาเพิ่มพลังชีวิตของเรา
แต่ถ้าเรากินผักที่เก่าหรืออาหารที่ทิ้งค้างมานานแล้วพลังชีวิตจะลดน้อยลงตามเวลา
และในที่สุดก็หมดไป เราจะไม่ได้พลังชีวิตจากอาหาร
คงได้เพียงสารอาหารที่มีคุณค่าน้อยลงเรื่อยๆ ตามการเวลาเช่นกัน
                ดังนั้นเราจึงควรกินอาหารสดใหม่
ถ้าเป็นอาหารปรุงสุกก็ต้องรีบกินทันทีหลังการปรุงเสร็จ
จะได้สารอาหารมากกว่ารอไปกินอีกวันรุ่งขึ้น ซึ่งสารอาหารจะสลายคุณค่าลงไป และขณะเดียวกันจะเกิดสารพิษเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ
อาหารค้างคืนจึงไม่ควรกินเลย เพราะอาจได้รับสารพิษมากกว่าประโยชน์จากอาหาร
                อาหารกล่องก็เช่นเดียวกัน
ถือเป็นอาหารที่ตายแล้ว ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรกินอาหารกล่องที่แพ็คขายกันตามห้างสรรพสนค้าทั่วไป
อาหารกล่องถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับสังคมที่เร่งรีบ
ซึ่งเป็นสังคมที่ไม่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี
เราต้องทำชีวิตของเราไม่ให้เร่งรีบจนเกินไป เราจะได้ไม่ต้องกินอาหารกล่องแบบนั้น

วัยรุ่นสมัยใหม่ ต้องรู้จักดูแลตัวเอง…

  เรามาดูกันว่า กลุ่มนักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาเค้าค้นพบอะไรบ้างเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของวัยรุ่น เพื่อที่หนุ่มสาววัยทีนเหล่านี้จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต… 

คงไม่มีวัยรุ่นคนไหนใครที่ไม่อยากดูดี ผู้คนรอบๆตัวยอมรับนับถือ แต่เคล็ดลับเหล่านี้นั้นจริงๆแล้วก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เรามาดูกันเลยว่าการดูแลตัวเองของหนุ่มๆสาวๆวัยทีนนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง…

1. ออกกำลังกาย – การเดินเล่น เดินห้าง ขี่จักรยาน วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นสเก็ตหรือทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนๆที่ทำให้ร่างกายไม่อยู่นิ่ง และการได้ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและเพื่อนๆ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีมากสำหรับสาวๆวัยทีน เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการเพื่อนและการยอมรับจากคนรอบตัว การได้ทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนของพวกเค้า จะช่วยให้ทั้งร่างกายและจิตใจดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจสุขภาพวันรุ่นการเดินเล่นผ่อนคลายกับเพื่อนๆ ก็นับว่าเป็นการออกกำลังกาย

2. การกิน  การรับประทานอาหารของวัยรุ่นทั่วไปนั้น สามารถรับประทานอาหารทั่วไปได้ทุกแบบ แต่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และควรหลักเลี่ยง Junk Food และอาหารที่มีไขมันมาก การรวมกลุ่มกันรับประทานอาหารกับเพื่อนๆและครอบครัว ก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับวัยรุ่น และควรรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ

การอดอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งสำหรับสาววัยทีน เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต การสร้างเซลล์ผิวหนังที่ดี ก็ช่วยให้คุณสาวๆดูดีขึ้นได้เช่นกัน ควรเลือกรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำและออกกำลังกายจะดีกว่า

3. รู้จักจัดการกับปัญหา  วันรุ่นเป็นวัยที่อะไรๆก็ดูจะสับสนอลหม่านไปหมด การจัดการกับปัญหาอย่างถูกวิธีก็เป็นสิ่งสำคัญ การเครียดจนนอนไม่หลับ หรือเครียดจนต้องพึ่งของมึนเมาและยาเสพย์ติดเพื่อให้ได้การยอมรับจากคนรอบ ตัวนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ ควรรู้จักปรึกษาปัญหากับคนมากกว่า 1 คน และแยกแยะดูว่าทางออกแบบไหนเหมาะสมที่สุดกับตัวเราเองและอนาคตของเราสุขภาพวัยรุ่น

ควรปรึกษาผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้เวลามีปัญหา4. รู้จักคิดและมีจินตนาการ – การคิดเชิงสร้างสรรค์ และจินตนาการเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก การทำกิจกรรมต่างๆ ถือว่าเป็นการช่วยพัฒนากระบวนการคิดในด้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี เล่นกีฬา ร้องเพลง ประกวดเต้น แต่งเพลง แข่งฟุตบอล รวมไปถึงการเลี้ยงสัตว์ การได้เล่นกับสัตว์เลี้ยง การหัวเราะ และการทำกิจกรรมที่ไม่ได้ทำคนเดียวนับว่าเป็นการพัฒนาสมองซีกขวาไปในตัว5. ฝึกฝนในสิ่งที่ชอบ – ช่วงชีวิตวัยรุ่นเป็นช่วงชีวิตที่มีพลังงานเหลือล้น หลังจากเลิกเรียนแล้วก็ยังมีพลังเหลืออีกมากมาย การฝึกฝนในสิ่งที่ตัวเองชอบและตัวเองถนัด นับว่าเป็นเรื่องที่ดี การปล่อยให้ชีวิตเอื่อยเฉื่อยหมดไปวันๆนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากเราจะไม่รู้ว่าเราชอบอะไร หรือทำอะไรแล้วถนัด จะส่งผลกระทบต่อการเลือกประกอบอาชีพได้ในอนาคต
จะเห็นได้ว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตของวันรุ่นนั้น การทำกิจกรรมต่างๆควรทำเป็นกลุ่ม อยู่กับเพื่อนบ้าง ครอบครัวบ้างการทำให้รู้จักใช้ชีวิตรวมกันเป็นสังคม ก็จะส่งผลดีกับทั้งตัววัยรุ่นเอง และสังคมโดยรวมต่อไปในอนาคต…

แหล่งที่มา: http://www.108health.com

เตือน! ใส่กางเกงรัดรูปเสี่ยงต่อโรคปวดหลัง

   เตือนใส่กางเกงรัดรูปเสี่ยงโรคปวดหลัง สาวๆที่ชอบใส่กางเกงรัดรูป ระวัง!ปวดหลังก่อนเวลาอันควรน่ะ 

โดย รศ.ดร.รุ้งทิพย์ พันธุเมธากุล หัวหน้ากลุ่มวิจัยปวดหลัง ปวดคอ และปวดข้ออื่น ๆ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นรศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์ รอง หน.กลุ่มวิจัยฯ พร้อมทีมคณะวิจัยฯ ร่วมกันแถลงข่าวงานวิจัย เรื่อง “ผลของกางเกงขายาวแบบรัดรูปต่อองศาการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังส่วนเอว และการทำงานของกล้ามเนื้อลำตัว”

ทั้งนี้คณะวิจัยพบว่า วัยรุ่นปัจจุบันนิยมสวมกางเกงยีนขายาวเอวต่ำ แบบรัดรูป กำลังเดินตามชุมชน ห้างสรรพสินค้า นั่งโต๊ะทำงาน และยกของหนัก จนกลายเป็นโรคปวดเมื่อยและพบมากในภาคอีสาน โดยมีสาเหตุหนึ่ง เกิดจากการสวมกางเกงแบบรัดรูป และพบด้วยว่าปัจจุบันวัยรุ่นในภาคอีสาน ประมาณร้อยละ 80 เป็นโรคปวดหลัง โดยมีแฟชั่นยุคใหม่ นุ่งกางเกงรัดรูปเอวต่ำ โดยเฉพาะคนไข้ที่สวมกางเกงขายาวแบบรัดรูปอายุยังน้อย ทำให้มีปัญหาเรื่องปวดหลังมากกว่าร้อยยะ 20 และเข้าสู่ในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่เป็นโรคปวดหลังร้อยละ 80 ในการวิจัยได้สร้างสถานการณ์จำลองวัยรุ่นสวมกางเกงขายาวรัดรูปเอวต่ำ คือ 1.ยืนขึ้นยกของหนัก-เบา 2.นั่งยอง ๆ ยกของหนัก-เบา 3.ยืนเหยียดไปด้านหน้า โดยพบว่ากางเกงรัดรูปกับกระดูกสันหลังส่วนเอวทำงานมากขึ้น จนทำให้ผู้สวมใส่มีอาการปวดหลังเป็นอย่างมาก

สำหรับอาการปวดหลังส่วนล่างเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญในวัยรุ่น ส่งผลต่อการเรียน การทำงาน และ ค่าใช้จ่ายในการรักษาทางการแพทย์ ส่วนสาเหตุของอาการปวดหลังส่วนล่างในวัยรุ่นมีหลากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจำกัดของการเคลื่อนไหวของข้อสะโพก อีกทั้งอาการปวดหลังส่วนล่างในวัยรุ่นจะมีส่วนเชื่อมโยงกับอาการปวดหลังส่วนล่างในวัยผู้ใหญ่ ดังนั้น หากวัยรุ่นคนใดมีอาการปวดหลังส่วนล่างเกิดขึ้น เชื่อได้ว่าในวัยผู้ใหญ่น่าจะการเกิดอาการปวดหลังส่วนล่างขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
ด้าน รศ.ดร.วิชัย กล่าวว่า ในปัจจุบันวัยรุ่นไทยนิยมสวมกางเกงขายาวแบบรัดรูปตามสมัยนิยม โดยกางเกงแบบนี้จะรัดแนบแน่นบริเวณสะโพก ต้นขา และข้อเข่าของผู้สวมใส่ เช่น กางเกงยีนขาเดฟ เป็นต้น โดยลักษณะของกางเกงขายาวแบบรัดรูป จะทำให้การเคลื่อนไหวของข้อสะโพกถูกจำกัด และทำให้เกิดการทำงานของกล้ามเนื้อลำตัวในช่วงของการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังส่วนเอวที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นหากเปลี่ยนแปลงการทำงานของโครงสร้างเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน อาจนำไปสู่การบาดเจ็บ จนเกิดอาการปวดหลังส่วนล่างตามมาได้ในอนาคต
“ดังนั้น กลุ่มวิจัยปวดหลัง ปวดคอ และปวดข้ออื่น ๆ คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงศึกษาถึงผลการสวมกางเกงขายาวแบบรัดรูปต่อองศาการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังระดับเอวและการทำงานของกล้ามเนื้อลำตัว และผลการวิจัยพบว่า กางเกงขายาวแบบรัดรูป จำกัดการเคลื่อนไหวของข้อสะโพก แล้วส่งผลให้องศาการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังระดับเอวเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ การทำงานของกล้ามเนื้อหลังคลอด และทำให้ผู้สวมใส่เกิดความไม่สบายที่บริเวณหลังส่วนล่าง และเมื่อเปรียบเทียบกับกางเกงขายาวแบบสวมใส่สบายในขณะทำกิจกรรมต่างๆที่กล่าวมาแล้วข้างต้น” รศ.ดร.วิชัย กล่าว พร้อมกับแนะว่า อยากให้วัยรุ่นและคนทำงานควรหลีกเลี่ยงสวมกางเกงขายาวชนิดรัดรูป และจำกัดการเคลื่อนไหวที่ข้อสะโพกในการทำกิจกรรมหรืองานในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดอาการปวดหลังส่วนล่าง รวมถึงลดงบประมาณค่าใช้จ่ายในการชดเชยสวัสดิการแก่ผู้มีอาการหลังส่วนล่างต่อไป และหากชอบกางเกงรัดรูปควรเลือกกางเกงทำจากเนื้อผ้ายึดหยุ่นได้ดี
ถึงจะทราบข้อมูลแล้ว แต่ถ้ายังเลิกขาดไม่ได้ ยังไงก็ลองเลือกกางเกงที่เนื้อผ้ายืดหยุ่นหน่อย หรือลดจำนวนครั้งในการใส่ลงจากทุกวัน หรือบ่อยๆ มาเป็นอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง หรือนานๆทีก็น่าจะดี เพื่อสุขภาพในระยะยาวนะคะ

แหล่งที่มา: http://www.108health.com

บทความเพื่อสุขภาพ

โทษของการนอนดึก

-ทำให้ถุงใต้ตายาน

– ตีนกาถามหา

– หน้าแก่

– หน้าผากจะเถิกขึ้น

– สิวขึ้นเต็มหน้า

– การนอนดึกเปรียบเสมือนตายผ่อนส่ง

– ทำให้เป็นแพนด้า

– ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่สบายบ่อย

– ทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่(หรือทำให้โง่)

– ทำให้สมองสั่งงานช้า ไม่มีการพัฒนา

– ทำให้คิดอะไรไม่ออก

– ทำให้ร่างกายแปรปรวน,อ้วน,ขี้โรค

– ทำให้ระบบขับถ่ายผิดปกติ

– ทำให้หัวใจอ่อนล้า เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจทั้งหลาย

-ทำให้ร่างกายอ่อนล้า

– นอนดึกทำให้อายุสั้น

– ผิวพรรณหมองคล้ำ สิวขึ้น

– ทำให้ปวดศรีษะ มีโอกาศเป็นไมเกรน

– ทำให้เตี้ย เพราะร่างกายจะเจริญเติบโตช่วง หลัง 12.00 – 04.00

– และยังมีโทษอื่นๆอีกมากมาย

แหล่งอ้างอิง   http://www.thaithesims3.com/topic.php?topic=68203